value-investing-thumnail

การลงทุนแบบเน้นคุณค่าน่าศึกษาก่อนลงทุน

หลักการ “การลงทุนแบบเน้นคุณค่า” หรือ “การลงทุนแบบ VI (Value Investing)”  ก็คือการลงทุนในหุ้นอีกรูปแบบหนึ่ง โดยได้รับอิทธิพลมาจากเซียนหุ้นระดับโลกทั้ง Benjamin Graham และ Philip A. Fisher ซึ่งแนวคิดนี้ได้รับความนิยมเป็นอย่างยิ่งในปัจจุบัน

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า คือ การลงทุนที่ “คุณค่า” หรือ มูลค่าที่แท้จริงของกิจการ มีความสำคัญมากกว่า “ราคาหุ้น”   ซึ่งจะเน้นการลงทุน หรือ เก็งกำไรหรือหวังผลกำไรในระยะยาว มากกว่าการเล่นหุ้นระยะสั้น

ต้องรู้จักให้เหมือนเป็นเจ้าของ

ก่อนที่เราจะทำกิจการใดเราต้องรู้ เรื่องกิจการนั้นให้อย่างถี่ถ้วนตั้งแต่เรื่องผลิตภัณฑ์  ขายอะไร ตลาดสินค้าที่ขายเป็นยังไง รายรับรายจ่ายเป็นยังไง มีการบริหารงานอย่างไรบ้าง ซึ่งก็เหมือนกับการซื้อหุ้น ที่เราต้องทราบว่าใครเป็นเจ้าของ บริหารโดยใคร การเจริญเติบโตของธุรกิจเป็นยังไง  ซึ่งเราต้องพิจารณาในส่วนของธุรกิจเป็นสำคัญ

ภาพลักษณ์ในระยะยาวเพื่อช่วยการวิเคราะห์หุ้น

ภาพลักษณ์ของบริษัทที่เราต้องการจะซื้อหุ้นเป็นสิ่งสำคัญ  เพราะจะช่วยให้การดำเนินธุรกิจนั้น ยั่งยืนในระยะยาว เพราะการลงทุนแบบเน้นคุณค่าเป็นการลงทุนในระยะยาว  ดังนั้นสิ่งนี้จึงสำคัญเช่นเดียวกัน

มูลค่าที่แท้จริงของบริษัท (Intrinsic Value)

การคิดคำนวณหามูลค่าที่แท้จริงของหุ้น ถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับการลงทุนแบบเน้นคุณค่า สามารถดูได้จาก ราคาหุ้นในตลาดมีการซื้อขายที่เท่าไหร่   เพราะไม่ว่าราคาหุ้นที่ซื้อขายอยู่จะสูงหรือต่ำอย่างไรก็ตาม ในที่สุดจะกลับมาที่ราคาที่แท้จริงอย่างแน่นอน ดังนั้น หกราคาหุ้นที่ซื้อขายอยู่ต่ำกว่า ราคาแท้จริง เราก็สามารถซื้อมาเก็บไว้ได้ แต่หากรคาซื้อขายหุ้นสูงกว่ามูลค่าที่แท้จริง เราไม่ควรซื้อเก็บไว้ หรือหากมีก็ควรขายออกไป เพื่อป้องกันปัญหาขาดทุนนั่นเอง

สูตรการคำนวณหาค่า Intrinsic Value
มูลค่าที่แท้จริง = เงินปันผลปีหน้า / (ผลตอบแทนที่พอใจ – อัตราการเติบโตของปันผลต่อปี)

ลงทุนในระยะยาวปลอดภัยที่สุด

การถือหุ้นไว้ในระยะยาวจะช่วยลดความเสี่ยงจากปัจจัยความผันผวนของตลาดได้  เพราะถึงแม้ว่าเราได้วิเคราะห์ว่า หุ้นของบริษัทนั้นๆ มีราคาที่แท้จริงสูงกว่าราคาที่ซื้อขายกันอยู่  แต่ด้วยปัจจัยต่างๆ ทำให้หุ้นไม่ขยับหาราคาที่แท้จริงสักที  ดังนั้นการถือครองหุ้นในระยะยาวจึงปลอดภัยที่สุด

ปัจจัยพื้นฐานของธุรกิจ

ด้วยยุคสมัยมีการเปลี่ยนแปลงดังนั้นนักลงทุนที่ต้องการซื้อหุ้น จึงไม่ควรมองข้ามปัจจัยนี้เช่นกัน แม้ว่าบางธุรกิจอาจจะมีผลประกอบการที่ดี อนาคตบริษัทต้องมีการเติบโตอย่างแน่นอน แต่ด้วยยุคสมัยเปลี่ยนและพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยน  จึงทำให้ธุรกิจต้องหยุดชะงักลงไปก็เป็นได้ เช่น ธุรกิจพิมพ์ดีด ที่มีคอมพิวเตอร์เข้ามาแทน   หรือธุรกิจโทรศัพท์มือถือ ที่มีสมาร์ทโฟนเข้ามาแทน  เป็นต้น

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า หากกล่าวโดย สรุปก็คือ  การลงทุนโดยมองคุณค่าของบริษัท โดยไม่ได้มองที่ราคาหุ้นเป็นหลัก  เพราะหากธุรกิจนั้นมีคุณภาพ  ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าใด ราคาหุ้นของบริษัทก็จะสูงขึ้นตมไปด้วย ในทางตรงกันข้าม  หากธุรกิจไร้ซึ่งคุณภาพ หรือคุณภาพไม่พียงพอ  แม้ว่าในปัจจุบันราคาหุ้นจะสูงเท่าใดก็ตาม แต่เมื่อผ่านไปช่วงเวลาหนึ่ง ราคาหุ้นก็จะตลกลับมาตามคุณภาพที่แท้จริงของกิจการ